เล่าโดย : คุณชาย

ผีมีวิชา


 เป็นเรื่องราวที่อาจารย์นำมาถ่ายทอดให้ฟัง เหตุการณ์เกิดขึ้นแถวบางแค คุณชายทำอาชีพด้านทนายความ ชอบสะสมเครื่องรางของขลังมาก เสาะหาไปทั่ว จนไปเจอเข้ากับสายวิชาหนึ่ง ต้นสายวิชาคือหลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร มีลูกศิษย์เรื่อยมา จนมาถึงอาจารย์ท่านนี้ ชื่ออาจารย์สามารถ
    ท่านเป็นฆราวาสของวัดแห่งหนึ่ง ไปได้ตำรามาเล่มนึง ที่ตกทอดมาจากประเทศลาว เป็นตำราเกี่ยวกับวิชามนต์เสน่ห์ ป้องกันตัว และปืนผาหน้าไม้ แต่มีข้อห้ามไว้ว่า ถ้าใครได้ร่ำเรียนวิชาเหล่านี้แล้ว ห้ามดื่มเลือดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเลือดของอะไรก็ตาม
    แต่อาจารย์คิดว่า ตนเองสามารถรักษากฏเหล็กข้อนี้ได้อย่างเคร่งคัด จึงนั่งศึกษาวิชาตามตำราทุกอย่าง จนเข้าใจได้ถ่องแท้ แม้ว่าจะเป็นแค่การนั่งท่องตำราธรรมดา แต่ในขณะนั้นกลับเหมือนว่า มีผู้เจนจัดในวิชา มานั่งถ่ายทอดให้ข้างๆ
    เวลาผ่านไปแรมเดือน วันหนึ่งในตอนที่อาจารย์นั่งทานข้าวอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ภายในสําหรับอาหารมีแกงเขียวหวานไก่รวมอยู่ด้วย แต่อาจารย์กลับลืมตัว ตักกินเลือดที่เป็นก้อนเข้าปาก แล้วพึ่งมาฉุดคิด ว่าตนเองกินเลือดไม่ได้ แต่มีความคิดถึงแย้งขึ้นว่า ไม่เป็นไร แม่ทำให้กิน คงไม่เป็นไร
    ลักษณะบ้านของอาจารย์จะเป็นบ้านกึ่งไม้กึ่งปูน ชั้นล่างเป็นปูน ส่วนชั้นบนจะเป็นไม้ พื้นปูด้วยไม้กระดาน ปกติอาจารย์จะนอนอยู่ชั้นบน ที่นอนจะเป็นเพียงแค่ฟูก และกางมุ้งครอบอีกที
    คืนนั้นเอง อาจารย์ตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงหมาหอนดังมาตั้งแต่ท้ายซอย หอนรับกันเป็นทอดๆ ภายในห้องปิดไฟมืด มีเพียงแค่แสงไปจากถนน สาดเข้ามาทางหน้าต่าง เห็นภายในห้องลางๆ แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจระคนตกใจ เพราะทุกส่วนของร่างกายสามารถขยับได้ปกติ แต่ไม่สามารถยกหลังขึ้นมาจากฟูกที่นอนได้
    ในขณะที่อาจารย์กำลังพยายามดึงร่างของตัวเองขึ้นมาอยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง ตกลงบนพื้นไม้กระดานแถวๆปลายเท้า ห่างออกไปไม่กี่เมตร แล้วค่อยๆกลิ่งเข้ามาหา "ตุ๊บ!! ครืดดดดดดดด"
     อาจารย์สะดุ้งรีบผงกหัวขึ้น มองฝ่าความมืดออกไปนอกมุ้ง เห็นเป็นลูกกลมๆสีดำสนิท ใหญ่ประมาณเท่าหัวคน กลิ่นมาหยุดอยู่ตรงปลายเท้านอกมุ้ง สิ่งนั่นมันค่อยๆยืดตัวขึ้นเป็นแนวตั้ง สูงประมาณเมตรกว่าๆได้
    อาจารย์มองด้วยความตกใจ มันค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นร่างคน แล้วค่อยๆเคลื่อนตัวแนบเข้ากับมุ้ง พร้อมๆกับใช้มือเลิกมุ้งขึ้น แทรกตัวเข้ามาในมุ้ง
    เผยให้เห็นตัวตนอันแปลกประหลาดของมัน ผิวหนังมีลักษณะคล้ายกับเปลือกไม้ที่แห้งแตก มือยาวจนลากพื้น เบ้าตาลึกโบ๋ มีแสงเล็กๆเหมือนไฟจากก้านธูป ฉายอยู่ในเบ้าตาอันดำมืด มันค่อยๆอ้าปากกว้าง จนเห็นเป็นช่องโหว่ที่มืดสนิท มีเสียงลอดลำคอออกมาเบาๆ "อาาาาาาาาาาาาา"
     อาจารย์ผวาสุดขีด ขนลุกตั้งไปทั้งตัว พยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ก็ไม่สามารถยกหลังขึ้นมาจากฟูกได้ มันค่อยๆคลานเข้ามาค่อมร่างของอาจารย์ เป็นอะไรที่แปลกประหลาดและน่ากลัวที่สุด เท่าที่อาจารย์เคยพบเจอมา
    อาจารย์ไม่รอช้า รีบท่องบทสวดมนต์ ทั้งของทางไทย และพม่า แต่มันกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด มันอ้าปากกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย พยายามโน้มตัวลงมาอมศีรษะของอาจารย์ให้ได้ จนอาจารย์ต้องใช้มือและเข่าทั้งสองข้างยันอกมันไว้ ปากก็พยายามท่องบทสวดมนต์ต่างๆที่พอจะนึกออก
    แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เจ้าสิ่งนั่นอ้าปากกว้างออกเรี่อยๆ จนใหญ่กว่าศีรษะของอาจารย์ มีกลิ่นเหม็นสาบรุนแรง และเสียงคราญครางที่น่าขนลุก ลอยออกมาจากโพลงปากของมัน "อูออออออ่าาาาาาา"
     จนอาจารย์เริ่มอ่อนแรง ในทางกลับกัน มันยิ่งกดร่างของมันลงมาเรื่อยๆ จนหน้าของอาจารย์ห่างกับหน้าของมันเพียงไม่ถึงคืบ อาจารย์มองเข้าไปในโพลงปากของมัน เห็นแค่ความดำมืดที่มืดสนิท ไม่อยากจะคิดว่าถ้าได้เข้าไปอยู่ในนั้นทั้งตัว มันจะเป็นยังไง
    ในหัวคิดสับสนวุ่ยวาย ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่ จนมาฉุดคิดได้ว่า วันนี้ตนเองได้ทำผิดครู เพราะงั้นแล้ว ผีตัวนี้คงจะเป็นคนที่เรียนวิชาทางสายเดรัจฉานวิชา แต่ทำผิดครูผิดผีจนไม่สามารถแก้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
    การที่อาจารย์ฝ่าฝืนข้อห้าม โดยการกินเลือดเข้าไป ทำให้ของในตัวเริ่มเสื่อม เป็นของโปรดของพวกที่ถูกอวิชากลืนกิน มันต้องการที่จะส่งต่ออวิชาในร่างของมันไปยังร่างใหม่ เพื่อให้ตนเองพ้นทุกข์จากที่เป็นอยู่
    ในใจของอาจารย์คิดว่า ยังไงวันนี้คงไม่รอดแน่แล้ว ทำให้เผลอคิดไปถึงพระคุณของคุณแม่ ภาพต่างๆของคุณแม่ผุดขึ้นมาเต็มหัว จนอาจารย์หลุดพูดคำว่า "แม่" ออกมาเบาๆ
    อยู่ๆ เจ้าสิ่งแปลกประหลาดนั่นมันก็ดีดตัวถอยหลัง ร่างของมันค่อยๆกลืนหายเข้าไปกับอากาศที่มืดสนิท อาจารย์รีบลุกพรวดขึ้นมาจากฟูก หายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อย มองออกไปนอกมุ้งรอบๆตัว เพราะกลัวว่ามันยังแอบอยู่ในมุมมืดที่ไหนสักแห่ง
    ตอนนี้อาจารย์รู้แล้วว่า ไม่มีมนต์คาถาใด จะศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าความรักของแม่อีกแล้ว เวลาที่ตกอยู่ในเหตุการณ์จวนตัว หรือไม่คาดฝัน ถ้าระลึกถึงคุณพ่อหรือคุณแม่ ท่านสามารถคุ้มคลองลูก ในพ้นจากภยันตรายต่างๆทั้งปวงได้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

Comments

Popular posts from this blog

ซากซับกระท้อน ภาคแรก(๒ตอนจบ)

"ชมรมขนหัวลุก" ตอน ครูวันเพ็ญ

รูปขำๆ ฮาๆ ที่ระเบียงวัดพระแก้ว