รวบรวมเรื่องสยองขวัญเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนที่ชอบอ่านมากกว่าฟัง!

เรื่องที่๑๖ บังเอิญเจอกัน - คุณแดน



เรื่องเกิดขึ้นเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2546 เมื่อก่อนคุณแดนทำงานอยู่ที่ฟิลิปปินส์แล้วชอบเที่ยวทะเลมาก จึงชวนเพื่อนที่ทำงานด้วยกันบินมาเที่ยวที่ภูเก็ต เพราะจะมาดูกิจการด้วยจึงให้ลูกน้องจองโรงแรมให้ ช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลจึงทำให้โรงแรมนั้นเต็มหมด แต่ด้วยคุณแดนได้ซื้อตั๋วมาแล้วจึงบินมาที่ดอนเมืองก่อน พอมาถึงลูกน้องก็โทรมาบอกว่ามีโรงแรมนึงว่างพอดี คุณแดนจึงบินไปภูเก็ต น้องลูกก็เตรียมรถเตรียมอะไรไว้ให้เสร็จคุณแดนก็ขับรถไปที่โรงแรม ปกติจะมีลานจอดรถด้านหน้าโรงแรมแต่มันมีเทปยาวๆสีเหลืองดำกั้นไว้อยู่ แล้วพื้นเปียกไปหมด คุณแดนจึงเลี้ยวอ้อมไปจอดด้านหลังและได้เข้าเช็คอิน โรงแรมนี้มีทั้งหมด 13 ชั้น คุณแดนและเพื่อนได้พักที่ชั้น 10 ห้อง 1010 พอถึงห้องด้วยความเหนื่อยคุณแดนก็อาบน้ำ นอน ส่วนเพื่อนคุณแดนก็ขึ้นไปว่ายน้ำชั้นบนสุด จนประมาณชม.กว่าก็ลงมา ก็เลยพากันออกไปทานข้าวและเที่ยวต่อจนถึงเวลา ตี 2 กว่าๆ
 พอขากลับก็ยังเจอเทปสีเหลืองดำ และพื้นก็ยังเปียกอยู่ คุณแดนก็สงสัยว่าทำไมพื้นมันยังไม่แห้งซักที พอคุณแดนจอดรถก็เดินเข้าไป ไฟในโรงแรมก็ไม่ได้เปิดทุกดวง ระหว่างทางคุณแดนก็มองเห็นชายหญิงคู่นึงยืนอยู่ทางขึ้นบันไดใกล้ๆกับลิฟต์ ผู้ชายจะมีลักษณะตัวสูงมากประมาณเกือบ 180 ซม. ตัวผอมมาก ไว้ผมทรงรากไทรยาวๆ ใส่เสื้อแล็คสีขาว กางเกงสีดำ รองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิงจะตัวเล็กๆ ผิวคล้ำๆ ผอมๆ ใส่ชุดพีชสีแดงและมีกระโปรงสั้นๆ ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นคนที่หากินแถวนั้น จากนั้นเค้าก็เดินหันหลังให้และเดินดิ่งไปที่ลิฟต์ (ลิฟต์จะเป็นลิฟต์คู่) ระยะห่างระหว่างคุณแดนกับชายหญิงคู่นั้นห่างกันประมาณ 10 เมตร พอลิฟต์เปิดชายหญิงคู่นั้นก็หันมามองและเข้าไปในลิฟต์ทันที ด้วยที่ไฟสลัวๆแต่ยังพอมองเห็นว่าตัวผู้ชายจะยืนติดกับผนังลิฟต์ส่วนผู้หญิงจะยืนก้มหน้ากดปุ่มลิฟต์พยายามกดไม่ให้คุณแดนและเพื่อนเข้าไปด้วย คุณแดนจึงบอกว่า พี่ครับๆรบกวนเปิดหน่อยครับ รอด้วยครับ ผู้หญิงก็พยายามก้มและหันมาดูคุณแดนแล้วหัวเราะเป็นเสียง ฮิฮิฮิฮิ ฮิฮิฮิฮิ เสียงมันอยู่ไกลแต่คูรแดนรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ๆหู ก็รู้สึกขนลุกแต่ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดในใจว่าทำไมไม่มีน้ำใจเลย เพื่อนคุณแดนเองก็บ่นออกมาเป็นคำหยาบคาย คุณแดนจึงบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรอไปลิฟต์อีกตัว ระหว่างรอลิฟต์ลงก็เห็นลิฟต์อีกตัวที่ขึ้นไปนั้นกำลังขึ้นไปที่ชั้น 11 12 และ 13 และพอลิฟต์ลงมาคุณแดนกับเพื่อนก็เข้าไปในลิฟต์ และยังพูดคุยกันว่าทำไม 2 คนนั้นมันไม่มีน้ำใจกันเลย และถามกันว่าได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นหัวเราะมั้ย ทำไมหัวเราะตั้งไกลแต่มันได้ยินติดหูเรา เพื่อนก็บอกว่าได้ยินเหมือนกัน
 พอลิฟต์ตัวที่คุณแดนขึ้นมาถึงชั้น 10 ปรากฎว่าเสียงลิฟต์นั้นดังขึ้นพร้อมกัน 2 ตัว  พอคุณแดนกับเพื่อนออกมาจากลิฟต์ ชายหญิงคู่นั้นก็ออกมาพร้อมกับคุณแดน ซึ่งตอนนั้นผู้หญิงก็ดูเป็นคนที่เคลื่อนไหวตัวเร็ว คือกึ่งเดินกึ่งกระโดด ส่วนผู้ชายจะเดินช้ามาก แต่สิ่งที่คุณแดนสังเกตุคือ ผู้หญิงจะถือกุญแจห้อง แล้วกระโดดสลับฝั่งไปมาเพื่อไขห้อง (ห้องของโรงแรมนั้นจะมี 2 ฝั่ง) ซึ่งน่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้กระโดดไปไวมากแค่ก้าวเดียวก็ถึงห้องอีกฝั่งแล้ว ในตอนที่กระโดดไขห้องผู้หญิงคนนั้นก้มหน้า ผมยาวปิดหน้า ทำหลังโค้งๆและหัวเราะเป็นเสียง ฮิฮิ ฮิฮิ.. ไปด้วย คุณแดนก็แปลกใจว่าเค้าจำห้องตัวเองไม่ได้รึป่าว ทำไมไม่เกรงใจห้องอื่นเลย ดูไม่มีมารยาทตั้งแต่ปิดลิฟต์หนีเเล้ว ส่วนผู้ชายนั้นเดินช้ามาก และมือทั้ง 2 ข้างนั้นจะหงิกๆคล้ายคนเป็นโรคพาร์กินสัน แขนก็จะบิดๆเบี้ยวๆ แล้วก็เดินไปช้าๆ คุณแดนจึงคิดว่าเค้าคงไม่สบาย  เพื่อนจึงบอกว่าให้เดินแซงไปเลยเพราะว่าเหนื่อยอยากกลับห้องไวๆ ทั้ง 2 คนจึงพากันเดินแซงหน้าผู้ชายคนนั้นไป แล้วคุณแดนกับเพื่อนก็หันไปมองผู้ชายคนนั้น และสิ่งที่คุณแดนเห็นคือลักษณะหน้าของผู้ชายคนนี้ผิดรูปมากๆ เป็นคนหน้ายาวๆ ผมรากไทร แต่ปากกับคางนั้นเฉียงไปทางซ้ายมือมากเกินไป แล้วคางก็เหมือนจะตกลงมา  ลูกกะตาด้านซ้ายมันหล่นลงมาอยู่ที่โหนกเเก้ม ส่วนข้างขวาก็เหมือนจะเลยขึ้นไปถึงหัว คุณเเดนจึงคิดว่าพิการรึป่าว ในขณะที่เห็นนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะฮิฮิ ฮิฮิ ทั้ง 2 คนก็เริ่มกลัวแต่ไม่ได้พูดอะไร รีบตรงไปที่ห้องพอถึงห้องก็กระโดดไปอยู่ที่เตียงเดียวกัน ด้วยความกลัวก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผ่านไปซัก 5 นาทีช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ เพื่อนก็ถามว่า เห็นอย่างที่กูเห็นมั้ย คุณแดนก็บอกว่าอย่าทักดีกว่ามั้ย เพื่อนก็บอกว่ามันคาใจเลยบอกถึงลักษณะของผู้หญิงก็บอกตรงกัน เพิ่มมาคือผู้หญิงนั้นหัวเปียกๆ  ส่วนตัวผู้ชายนั้นเห็นไม่ตรงกัน เพื่อนเห็นว่าตาข้างขวาโบ๋ลงไป หน้าผากก็ยุบ แล้วคางก็เหมือนกับว่าฟันล่างมันห้อยลงมา
 แล้วคุณแดนก็ถามเพื่อนว่าล๊อคห้องรึยัง ด้วยความที่รีบเพราะกลัวเพื่อนคุณแดนก็บอกว่ากุญแจเสียบคาไว้ที่หน้าประตู ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ ทั้งคุณแดนและเพื่อนก็นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง สักพักก็มีเสียงไขกุญแจดังกึกๆๆ อยู่หน้าห้องเหมือนพยายามจะไขเข้ามา คุณแดนก็ดึงผ้าห่มคลุมตัว แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ทิ้งระยะไปพักนึงก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงเคาะประตู เคาะแบบรีบๆเพื่อจะเข้ามาในห้อง (ซึ่งห้องปิดแต่ไม่ได้ล๊อค กุญแจก็เสียบคาไว้ที่หน้าห้อง) แล้วก็มีเสียงไขกุญแจดังกึกๆๆอีก คราวนี้มีกลิ่นคาวเลือดลอยมาอีก คุณแดนจึงทนไม่ไหวรอจนเสียงเงียบไปก็ลุกไปกดโทรศัพท์เพื่อโทรไปที่ล๊อบบี้ พอปลายสายรับกลับเป็นเสียงหัวเราะฮิฮิ.. ฮิฮิ.. ของผู้หญิงคนนั้น คุณแดนก็ตกใจมาก แล้วก็มีเสียงหล่นมาที่คอมเพรสเซอร์แอร์ดังตึง เป็นแบบนี้ทั้งคืนสลับกันไป คุณแดนก็ไม่รู้จะทำยังไงก็สวดมนต์
 จนประมาณ ตี 5 เกือบๆ 6 โมงเช้า เสียงเริ่มหายไปคุณแดนจึงโทรศัพท์ไปอีกรอบแต่ครั้งนี้ไม่เอาหูแนบ ปลายสายรับก็เป็นเสียงพนักงาน คุณแดนจึงบอกว่าช่วยพี่ด้วย ขอเบลบอยขึ้นมาที่ห้องคนนึง พนักงานก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแดนไม่พูดอะไรมากแต่ย้ำไปว่าขอเบลบอยขึ้นมาคนนึง สักพักก็มีเสียงไขกุญแจที่หน้าห้อง ก็ปรากฎว่าเป็นเบลบอยขึ้นมา แต่ด้วยความระแวงคุณแดนก็บอกว่าอย่าพึ่งเข้ามาและขอให้เบลบอยคนนั้นสวดมนต์ก่อน เบลบอยก็ทำหน้างงแต่ก็ยอมสวด สวดได้แต่แบบผิดๆถูกๆคุณแดนก็เลยให้เข้าห้องและบอกว่าช่วยเก็บของในห้องลงกระเป๋าให้หมด โดยที่ไม่ต้องสนใจอะไร พอออกมาจากห้องทั้งคุณแดนและเพื่อนก็เดินจับชายเสื้อของเบลบอยคนละข้างจนยับไปหมด พอมาถึงหน้าลิฟต์คุณแดนก็บอกว่าลิฟต์ขวามือนั้นไม่เข้าเด็ดขาด ต้องเป็นลิฟต์ตัวซ้ายเท่านั้นเพราะตัวขวาเป็นตัวที่ 2 คนนั้นใช้ขึ้นมา พอเข้าไปในลิฟต์ทั้งคุณแดนและเพื่อนก็ยังคงยืนเบียดกับเบลบอยด้วยความกลัวและระแวงตลอด
 พอลงมาถึงล๊อบบี้คุณแดนก็เเจ้งเช็คเอ้าท์ทันที พนักงานก็ดูสเตตัสจึงถามว่าจองไว้ทั้งหมด 3 คืน ทำไมเช็คเอ้าท์เร็วแถมจ่ายเงินมาแล้วด้วย คุณแดนก็บอกว่าให้เช็คเอ้าท์เลย ไม่เสียดายเงิน และถามต่อว่า ทำไมชั้น 10 ที่พี่อยู่มันเหมือนไม่มีคนอยู่เลย แล้วช่วงนี้เป็นเทศกาลแล้วคนเยอะทำไมพี่ได้ห้อง พนักงานก็บอกว่าตนไม่รู้ ตนมาจากกำแพงเพชรมาทำงานวันนี้วันแรก จะถามเบลบอยพอได้เงิน 500 ก็หายไปแล้ว คุณแดนก็ยังอยากรุ้เพราะความที่ไม่อยากคาใจ พอตอนเช้าจะมีไลน์บัฟเฟ่ ก็เห็นป้าคุณนึงกำลังลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่ ก็เลยไปเล่าให้ป้าฟัง ป้าก็บอกว่าขนลุก พอคุณแดนถามว่ามีอะไรที่โรงแรมนี้รึป่าว ป้าแกก็บอกว่าไม่มีตั้งแต่อยู่มาป้ายังไม่เคยเจออะไรเลย คุณแดนก็สงสัยในท่าทีของป้านั้นแปลกๆเพราะไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพื่อนคุณแดนจึงยื่นแบงค์พันไปแล้วบอกว่าถ้าป้าเล่าป้าเอาไปเลย ป้าแกจึงบอกว่าให้ตามมาทางนี้
 ป้าแกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ตอนช่วงประมาณสายๆ ลูกชายนายหัวเจ้าของโรงแรมเค้าหิ้วผู้หญิงมาใส่ชุดสีแดง แล้วไม่รู้มีเรื่องอะไรกันลูกชายนายหัวก็กระโดดลงมาจากชั้น 13 หน้าเละเทะหมดเลย สมองไหล ลูกตากระเด็น หัวเบะออกมา กระดูกแทงออกมาจากข้อศอก คนก็ตกใจกัน ทางหน่วยกู้ภัยก็รีบมาเก็บใช้เวลาเก็บไวมาก เก็บใส่ห่อเรียบร้อย และใช้ถังดับเพลิงมาฉีดเลือดเพราะเลือดนั้นไหลไปไกลมาก แต่กลิ่นคาวเลือดก็ยังฟุ้งอยู่จนต้องใช้เแปรงขัด (ย้อนกลับไปชั้นที่เพื่อนคุณแดนไปว่ายน้ำนั้น เพื่อนคุณแดนเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ว่า ดีมากเลยสระน้ำไม่มีใครเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ เพื่อนจึงปิดล๊อคแล้วลงว่ายคนเดียว พอว่ายไปเรื่อยๆก็รู้สึกเริ่มเป็นตะคริวและมีอยู่ครั้งนึงว่ายๆอยู่ก็เหมือนไปเตะหัวใครเข้า เเล้วขาก็เริ่มเป็นตะคริวเรื่อยๆจึงขึ้นจากสระ) ป้าแกก็เล่าต่อว่ามันมีจดหมายฉบับนึงเขียนไว้ สรุปว่าลูกนายหัวได้ไปหิ้วผู้หญิงคนนี้มา ผู้หญิงคนนี้ก็บอกว่าตนติดเชื่อ HIV ติดมานานแล้ว เลยบอกให้ลูกชายหัวนายลองไปตรวจเลือดดูเพราะลูกชายนายหัวนั้นไม่เคยให้ถุงยางอนามัยเลย แล้วก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ผู้หญิงก็ถูกบีบคอแล้วกดน้ำอยู่บนชั้นดาดฟ้าที่เพื่อนคุณแดนไปว่ายน้ำ แล้วก็เขียนจดหมายบอกครอบครัวไว้ก่อนจะกระโดดลงมา
 หน่วยกู้ภัยก็ขึ้นไปเก็บศพผู้หญิงคนนี้ที่ชั้นดาดฟ้า ในการเคลื่อนย้ายศพลงมานั้นทางผจก.โรงแรมไม่อนุญาตให้ใช้ลิฟต์ ทางกู้ภัยจึงต้องใช้เชือกผูกกับศพแล้วโรยลงมาจากชั้นบน แต่ตอนที่โรยลงมานั้นศพหลุดออกจากผ้าแล้วหัวดันทิ่มลงไปติดที่คอมเพรสเซอร์แอร์ชั้น 10 (ห้องที่คุณแดนได้เข้าไปพัก) กู้ภัยจึงต้องใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายศพลงมาช้าไปอีก ป้าก็บอกอีกว่าตอนนี้เค้ากำลังแต่งศพอยู่ คืนพรุ่งนี้น่าจะรดน้ำ ลองไปดูที่วัดสิจะได้รู้ว่าใช่มั้ย คุณแดนกับเพื่อนนั้นไม่ไปเพราะด้วยความที่กลัว ตอนที่ป้าเล่าก็ฟังไป ตัวสั่นไป ป้ายังบอกอีกว่าให้ไปถวายสังฆทานให้เค้าเพราะเค้าน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายแล้ว คุณแดนกับเพื่อนก็พากันไปวัด ด้วยความที่เป็นช่วงเทศกาลคนก็เยอะคุณแดนกับเพื่อนจึงคิดว่าจะกลับแต่ก็ไปเห็นพระรูปนึงท่านปักกลดอยู่พอดีจึงจะขอถวายสังฆทาน หลวงพ่อท่านก็ทักทั้งๆที่ยังไม่ได้เอ่ยปากเล่าอะไรว่า เอ้อ ดีเหมือนกัน เพราะเค้าก็รออยู่ คุณแดนก็สงสัยว่าคืออะไร หลวงพ่อก็บอกว่าโยมชุดขาวกับชุดแดงใช่มั้ย คุณแดนกับเพื่อนก็รีบเข้าหาหลวงพ่อทันทีแล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อก็บอกว่า เค้ายังไม่รู้ตัว แต่โยมทำดีแล้ว โยมมีบุญนะ ถ้าไม่มีบุญโยมก็คงไม่เจอเค้าหรอก คุณแดนทิ้งท้ายว่าโรงแรมนี้มี 2 พยางค์

Comments

Popular posts from this blog

ซากซับกระท้อน ภาคแรก(๒ตอนจบ)

"ชมรมขนหัวลุก" ตอน ครูวันเพ็ญ

รูปขำๆ ฮาๆ ที่ระเบียงวัดพระแก้ว